แชร์

วิธีการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ UPS

อัพเดทล่าสุด: 10 พ.ค. 2025
30 ผู้เข้าชม

วิธีการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ UPS

ระบบแบตเตอรี่ที่เชื่อมต่อกับเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบ หากไม่มีแบตเตอรี่ที่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) ก็แทบจะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามที่ควรจะเป็น

การที่แบตเตอรี่ล้มเหลวถือเป็นปัญหาใหญ่ไม่ต่างจากไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังเป็นส่วนประกอบที่มีค่าใช้จ่ายสูงในระบบสำรองไฟ (UPS System) ดังนั้นการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

การไม่ดูแลรักษาหรือเพิกเฉยต่อคำแนะนำในการใช้งาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่ออุปกรณ์สำคัญและความต่อเนื่องของธุรกิจ แม้จะมีตัวเลือกอื่น เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเริ่มได้รับความนิยม แต่เครื่องสำรองไฟ UPS ส่วนใหญ่ยังคงใช้แบตเตอรี่ตะกั่วกรดแบบปิดผนึก ซึ่งแม้จะใหญ่และหนัก แต่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงได้ดีในระยะสั้น เหมาะสำหรับกรณีไฟฟ้าดับหรือการเริ่มต้นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

อายุการออกแบบแบตเตอรี่เทียบกับอายุการใช้งานจริง

แม้ว่าผู้ผลิตจะระบุว่าแบตเตอรี่มีอายุการออกแบบ 5 หรือ 10 ปี แต่ตามมาตรฐาน EUROBAT แบตเตอรี่จะถือว่าหมดอายุการใช้งานเมื่อความจุลดลงต่ำกว่า 80% ของความจุเริ่มต้น แม้ในเงื่อนไขการทำงานที่เหมาะสมที่สุด แบตเตอรี่จะเริ่มลดประสิทธิภาพลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผ่านไปหลายปี

ในความเป็นจริง อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อุณหภูมิ การเก็บรักษา ระดับการปล่อยพลังงาน และความถี่ในการใช้งาน หากไม่มีปัจจัยภายนอกแทรกแซง แบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ใช้งาน 10 ปี จะเริ่มลดความจุลงต่ำกว่า 100% ที่ปีที่ 6 และลดลงถึง 80% ในปีที่ 10

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ใช้งานนิยมเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีอายุการออกแบบ 10 ปี ในช่วงปีที่ 7-8 เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยง

การล้มเหลวของแบตเตอรี่ก่อนเวลาอันควร

แบตเตอรี่ UPS มีรูปแบบการล้มเหลวที่สอดคล้องกับ "กราฟรูปอ่างน้ำ" ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้:

  • ระยะ A (Infant Mortality): ความล้มเหลวที่เกิดจากข้อบกพร่องในขั้นตอนการผลิตหรือปัญหาระหว่างการขนส่ง
  • ระยะ B (Random Failures): ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นแบบสุ่มในช่วงการใช้งานปกติ ซึ่งอัตราการล้มเหลวมักจะต่ำและคงที่z
  • ระยะ C (Wear Out): ความล้มเหลวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปลายอายุการใช้งาน โดยปัญหาแบตเตอรี่ในระยะนี้มีสัดส่วนมากกว่า 98% ของการล้มเหลวของระบบ UPS
 

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ (Factors Affecting Battery Life)

1. อุณหภูมิ (Temperature)

  • อุณหภูมิสูงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เพราะทำให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดเร็วขึ้น เพิ่มการสูญเสียน้ำและการกัดกร่อน
  • แบตเตอรี่ตะกั่วกรดชนิดปิดผนึกถูกออกแบบให้ทำงานในอุณหภูมิ 20-25°C หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้นทุก ๆ 10°C อายุการใช้งานจะลดลงครึ่งหนึ่ง
 

2. ความถี่และความลึกของการคายประจุ (Frequency and Depth of Discharge)

  • ทุกครั้งที่แบตเตอรี่ถูกคายประจุและชาร์จไฟใหม่ จะมีการลดลงของความจุอย่างเล็กน้อย โดยแบตเตอรี่ที่คายประจุเพียงบางส่วนจะรองรับจำนวนรอบได้มากกว่าแบตเตอรี่ที่คายประจุจนหมด
 
3. แรงดันไฟฟ้าขณะใช้งาน (Operational Voltages)
  • การชาร์จไฟที่อยู่นอกพารามิเตอร์ที่กำหนดโดยผู้ผลิตอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายอย่างรุนแรงและลดอายุการใช้งาน:
    • การชาร์จเกิน (Overcharging): ทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนและออกซิเจนมากเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหา Thermal Runaway (แบตเตอรี่ร้อนเกินไปจนเกิดความเสียหายหรือระเบิด)
    • การชาร์จต่ำเกินไป (Undercharging): ทำให้เกิดผลึกซัลเฟตบนแผ่นแบตเตอรี่ ซึ่งลดความจุของแบตเตอรี่
4. กระแสรบกวน (Ripple Current)
  • กระแสรบกวนจากตัวเรียงกระแส (Rectifier), เครื่องชาร์จ (Charger), หรืออินเวอร์เตอร์ (Inverter) สามารถทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสูงและเสื่อมสภาพก่อนเวลา
5. การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม (Poor Storage of Unused Batteries)
  • แบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้งานจะคายประจุเองตามธรรมชาติ ทำให้อายุการใช้งานลดลง หากต้องการเก็บแบตเตอรี่ไว้ในระยะยาว ควรทำการเติมประจุ (Top-Up Charge) ตามคำแนะนำของผู้ผลิต และเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 10°C หรือต่ำกว่า

6. ระยะเวลาที่แบตเตอรี่อยู่ในสถานะคายประจุ (Period of Time Batteries Are Left in a Discharged State)

  • การปล่อยให้แบตเตอรี่อยู่ในสถานะคายประจุจนหมดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความเสียหายถาวรและส่งผลต่อความสามารถในการชาร์จ

วิธีการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

  1. การบำรุงรักษาและการตรวจสอบ: ควรตรวจสอบแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทำความสะอาด ตรวจสอบการกัดกร่อน และดูแลให้จุดเชื่อมต่อแน่นหนา
  2. การทดสอบแบตเตอรี่: ใช้วิธีทดสอบต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน เพื่อประเมินสภาพแบตเตอรี่และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  3. ควบคุมอุณหภูมิในการใช้งาน: เก็บแบตเตอรี่ในอุณหภูมิระหว่าง 20-25°C หรือห้องปรับอากาศที่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
  4. ใช้งานระบบ UPS อย่างเหมาะสม: หลีกเลี่ยงการปล่อยแบตเตอรี่จนหมด และใช้ระบบดูแลแบตเตอรี่ (Battery Care System) เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน
ระบบแบตเตอรี่ในเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) อาจประกอบด้วยแบตเตอรี่เพียงชุดเดียวหรือหลายพันเซลล์ การดูแลและติดตามสถานะแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น การลงทุนในระบบตรวจสอบและการบำรุงรักษาที่เหมาะสมเป็นแนวทางที่ช่วยให้ระบบสำรองไฟ (UPS System) ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย

หากท่านสนใจบริการบำรุงรักษาแบตเตอรี่และเครื่องสำรองไฟ เรา BT Connect เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลและบำรุงรักษาระบบแบตเตอรี่และเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ระบบของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการล้มเหลวของระบบพลังงาน


บทความที่เกี่ยวข้อง
ความแตกต่างระหว่าง Line Interactive UPS กับ Online UPS
การเลือกเครื่องสำรองไฟ (UPS) ที่เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเลือก Line Interactive UPS หรือ Online UPS เพราะทั้งสองแบบมีจุดเด่นและจุดแตกต่างกันในเรื่องคุณสมบัติและประสิทธิภาพการป้องกันระบบไฟฟ้า
16 ม.ค. 2025
วิธีการคำนวนไฟ UPS และเลือกขนาดเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS)
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกขนาดของ UPS (เครื่องสำรองไฟ)
16 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy